5 โรคอันตรายที่มากับฝน

  • 2 July 2019
5 โรคอันตรายที่มากับฝน

ดูอาการลูกให้ดี ระวังป่วยจากโรคติดต่อฤดูฝน 5 โรคที่มากับฝน มีอะไรบ้าง มาอ่านข้อมูลจาก ศูนย์สุขภาพเด็กและวัยรุ่น รพ.พญาไท 2 กันค่ะ

5 โรคติดต่อที่มาพร้อมฝน รับมืออย่างไรไม่ให้ลูกป่วย

ในฤดูฝน อากาศเริ่มเย็นลง และมีความชื้นสูงขึ้น สภาพอากาศเช่นนี้ ทำให้เชื้อโรคเจริญเติบโตได้ดี และแพร่กระจายได้ง่าย โดย 5 โรคติดเชื้อที่พบบ่อยในเด็ก มักจะติดต่อกันมากในโรงเรียน พ่อแม่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษในฤดูนี้ ได้แก่ โรคที่มาจากไวรัส เช่น ไข้หวัดใหญ่ โรคมือเท้าปาก โรคไข้เลือดออก และโรคที่เกิดได้จากทั้งไวรัสและแบคทีเรีย เช่น อุจจาระร่วง และเยื่อหุ้มสมองอักเสบ

 

โรคที่มากับฝน - โรคไข้หวัดใหญ่

อาการของลูกเมื่อเป็นโรคไข้หวัดใหญ่

โรคไข้หวัดใหญ่ เกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ที่ก่อโรคในคนมี 3 สายพันธุ์คือ A B C หากได้รับเชื้อจะมีไข้สูง ไอ มีน้ำมูก ปวดศรีษะ ปวดเมื่อยตามตัว มีอาการซึม งอแง ไม่ค่อยกินอาหาร ถ้าเป็นเด็กแรกเกิดแพทย์จะแนะนำให้สังเกตอาการที่โรงพยาบาล

วิธีป้องกัน โรคไข้หวัดใหญ่

  • การป้องกันด้วยการฉีดวัคซีน เริ่มได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือนขึ้นไป
  • เด็กที่อายุน้อยกว่า 6 เดือนแนะนำให้ฉีดวัคซีนแก่ผู้เลี้ยง อาจเป็นพ่อแม่ หรือพี่เลี้ยง
  • สำหรับเด็กที่อายุน้อยกว่า 9 ปี (6 เดือน - 9 ปี) ปีแรกที่ฉีดแนะนำให้ฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 1 เดือนเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้นกันอย่างเต็มที่
  • เด็กอายุ 9 ปีขึ้นไป ฉีดแค่เพียงเข็มเดียวในปีแรกหลังจากนั้นฉีดกระตุ้นปีละหนึ่งเข็ม

 

โรคที่มากับฝน - โรคอุจจาระร่วง

อาการของลูกเมื่อเป็นโรคอุจจาระร่วง

โรคอุจจาระร่วง อาจเกิดได้ทั้งจากเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย พบมากในกลุ่มเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี อาการเบื้องต้นท้องเสียมากกว่า 3 ครั้งต่อวัน เมื่อเด็กมีอาการท้องเสีย หรือมีอาเจียน เด็กจะมีอาการขาดน้ำและเกลือแร่ ฉะนั้นพ่อแม่ต้องสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด ควรรีบพบแพทย์ทันที

วิธีป้องกัน โรคอุจจาระร่วง

ปัจจุบันโรคท้องเสียที่เกิดจากไวรัสโรต้ามีวัคซีนในการป้องกัน ชนิดหยอดที่ใช้ได้เฉพาะในเด็กเล็กเท่านั้น ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแล้วว่ามีประสิทธิภาพในการป้องกันโรค ลดความรุนแรงของโรค และมีความปลอดภัยสูง โดยจะเริ่มหยอดครั้งแรกในเด็กที่มีอายุเกิน 6 สัปดาห์ ขึ้นไปและจะให้ครั้งต่อไปห่างจากครั้งแรก 4 สัปดาห์ โดยหยอดทางปาก 2 หรือ 3 ครั้ง ขึ้นอยู่กับชนิดของวัคซีน สำหรับเด็กโตให้เน้นด้านการรักษาสุขอนามัยส่วนตัว

 

โรคที่มากับฝน - โรคมือ เท้า ปาก

อาการของลูกเมื่อเป็นโรคมือ เท้า ปาก

โรคมือ เท้า ปาก เกิดจากเชื้อไวรัส มักพบได้ ในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ซึ่งติดต่อได้ง่ายมาก ทั้งทางน้ำลาย ได้รับเชื้อจากแผลในปาก จากการรับประทานอาหารที่ปนเปื้อน เมื่อรับเชื้อเด็กอาจมีไข้สูง และมีตุ่มน้ำใสขึ้นที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า ปาก ลิ้น เหงือก มีอาการเจ็บร่วมด้วย และอาการมักจะหายเองภายใน 5-7 วัน โดยโรคแทรกซ้อนที่พบได้คือ สมองอักเสบ หรือกล้ามเนื้อ หัวใจอักเสบได้ ดังนั้น หากเด็กมีอาการของโรคมือเท้าปากให้รีบพาเด็กไปพบแพทย์ และเมื่อแพทย์วินิจฉัย ว่าเป็นโรคมือเท้าปาก ต้องให้เด็กหยุดเรียนอย่างน้อย 1 สัปดาห์ หรือจนกว่าแผลจะหาย

 

โรคที่มากับฝน - โรคไข้เลือดออก

อาการของลูกเมื่อเป็นโรคไข้เลือดออก

โรคไข้เลือดออก เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อไวรัส มีทั้งหมด 4 สายพันธุ์ ซึ่งมียุงลายบ้านเป็นพาหะ เมื่อเด็กรับเชื้อจะมีไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดกระดูกและอาจมีจุดเลือดออกตามผิวหนัง

วิธีป้องกัน โรคไข้เลือดออก

  • การป้องกันที่ดีที่สุดคือ อย่าปล่อยให้ยุงกัด กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุง
  • ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออกซึ่งสามารถให้ได้ในเด็กอายุตั้งแต่ 9 ปี จนถึงผู้ใหญ่อายุ 45 ปี
  • หากต้องการรับวัคซีน แนะนำให้ปรึกษาแพทย์

 

โรคที่มากับฝน - โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ

อาการของลูกเมื่อเป็นโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ

โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียนิวโมคอคคัส เมื่อเด็กติดเชื้ออาจมีอาการไข้สูง ซึม ชักเกร็ง แขนขาอ่อน พ่อแม่ต้องสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดเพราะเด็กเล็กไม่สามารถบอกอาการได้ หากมีอาการดังกล่าวควรรีบมาพบแพทย์

วิธีป้องกัน โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ

  • เนื่องจากเชื้อนิวโมคอคคัส แพร่กระจาย ผ่านทางระบบทางเดินหายใจ ฉะนั้นจึงควรเลี่ยงพาเด็กไปในที่แออัด หรือหากเลี่ยงไม่ได้ควรใส่หน้ากากอนามัย
  • ฉีดวัคซีนเสริมภูมิต้านทาน โดยฉีด เมื่ออายุ 2 4 และ 6 เดือน และกระตุ้นซ้ำเมื่ออายุ 12-15 เดือน
  • ถ้าเริ่มฉีดในเด็กอายุ 7-11 เดือน ให้ฉีดสองครั้งห่างกันสองเดือน และกระตุ้นซ้ำเมื่ออายุ 12-15 เดือน
  • ส่วนเด็กอายุ 1-5 ปีที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนนี้ ให้ฉีดครั้งเดียว ยกเว้นในเด็กที่มีภูมิคุ้มกันต่ำหรือมีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อนิวโมคอคคัสชนิดรุนแรง โดยให้ฉีดสองครั้งห่างกันสองเดือน

 

สาเหตุของการเกิดโรคที่สำคัญคือการสัมผัสกับเชื้อโรค ทั้งจาก การสัมผัสคลุกคลีกับคนป่วย การหายใจและทางปาก ดังนั้น การรักษาสุขอนามัยให้ดี จึงเป็นวิธีป้องกันที่ดีที่สุด ซึ่ง 5 ข้อปฏิบัติ ครอบคลุม 5 โรคติดต่อฤดูฝน #อย่าปล่อยให้ป่วย

  1. ล้างมือทุกครั้งก่อนและหลังใช้ห้องน้ำ และก่อนรับประทานอาหาร
  2. หลีกเลี่ยงพาเด็กๆ ไปอยู่ในที่ชุมชน ผู้คนพลุกพล่าน หากเลี่ยงไม่ได้ต้องให้สวมหน้ากากอนามัยเสมอ
  3. รับวัคซีนพื้นฐานให้ครบและเสริมวัคซีนตามคำแนะนำแพทย์เป็นกรณี และคอยเฝ้าระวังสังเกตอาการเมื่อป่วย หากผิดสังเกตให้รีบปรึกษาแพทย์ทันที
  4. สำหรับเด็กที่ทานอาหารได้แล้ว ให้รับประทานอาหารให้ครบทั้งห้าหมู่ กินของปรุงสุกใหม่ และใช้ช้อนกลางเป็นนิสัย เพิ่มเติมเสริมการออกกำลังกายที่เหมาะตามวัย
  5. จัดการสิ่งแวดล้อมรอบตัว ทั้งในบ้านและรอบบริเวณบ้านให้สะอาด สว่าง และอากาศถ่ายเทได้ดี

ที่มา : ทีมแพทย์ศูนย์สุขภาพเด็กและวัยรุ่น รพ.พญาไท 2 (สนามเป้า) โทร. 02-617-2444 ต่อ 3219-3220 / Call Center 1772 และ FaceBook Page : Phyathai2 Hospital  และ https://th.theasianparent.com

Tags :