เด็กและความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ COVID-19
เด็ก ๆ เป็นวัยซุกซน อยากรู้อยากลอง มักไม่ยอมสวมหน้ากากอนามัยเป็นเวลานาน ๆ
และยังไม่สามารถดูแลตัวเองได้ดี จึงมีความเสี่ยงที่จะสัมผัสกับเชื้อ COVID-19 ได้มากกว่าผู้ใหญ่
ซึ่งสถานที่เสี่ยงที่เด็ก ๆ อาจได้รับเชื้อ COVID-19 มักเป็นสถานที่ใกล้ตัว
อย่าง โรงเรียน สถานที่เรียนพิเศษ สถานรับเลี้ยงเด็ก ฯลฯ ในขณะเดียวกัน
ลูกรักก็สามารถติดเชื้อได้จากผู้ใหญ่ที่ออกไปทำงาน แล้วนำเชื้อ COVID-19 กลับมาสู่เด็ก ๆ ได้เช่นกัน
วิธีป้องกันลูกให้ปลอดภัยจาก COVID-19
1. สอนให้ลูกรู้จักการดูแลความสะอาด
พ่อแม่ควรสอนให้เด็ก ๆ รู้จักวิธีการดูแลตัวเอง สำหรับลูกน้อยวัย 1.5 - 2 ปี
คุณพ่อคุณแม่ สามารถสอนให้ลูกน้อย ไม่นำสิ่งของเข้าปาก และสอนวิธีล้างมือให้สะอาดอย่างง่าย ๆ
โดยการทำให้ดูเป็นแบบอย่าง เพราะเด็กชอบเรียนแบบพฤติกรรมจากคนรอบข้าง
ส่วนเด็กวัย 3 ปีขึ้นไป สามารถสอนให้รักษาความสะอาด โดยฝึกให้ล้างมือด้วยสบู่
หรือแอลกอฮอลล์เจลเป็นประจำ สวมหน้ากากทุกครั้งเมื่ออกจากบ้าน
และสอนให้ลูกไม่ใช้ของร่วมกับเพื่อน เช่น แก้วน้ำ ช้อน ส้อม ผ้าเช็ดหน้า เป็นต้น
สำหรับพ่อแม่ที่เจอปัญหาลูกไม่ชอบใส่หน้ากากอนามัย สามารถแก้ไขด้วยการที่พ่อแม่ทำให้ลูกดู
คือ พ่อแม่ควรใส่หน้ากากด้วย เพราะเด็กสามารถเลียนแบบพฤติกรรมของพ่อแม่ได้
นอกจากนี้อาจจะจับตุ๊กตาตัวโปรดของลูกหรือตุ๊กตาในบ้านใส่หน้ากากอนามัย
เพิ่มความสนใจให้ลูกอยากมีเพื่อนใส่หน้ากากไปด้วยกัน นอกจากนี้คุณพ่อคุณแม่
อาจจะมีรางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ เมื่อลูกยอมสวมหน้ากาก
และควรเลือกหน้ากากลายการ์ตูนที่ลูกชอบ มีขนาดที่พอเหมาะกับลูก เป็นต้น
2. พ่อแม่ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูก
พ่อแม่ต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา หมั่นล้างมือให้สะอาดบ่อย ๆ นอกจากจะลดความเสี่ยง
ไม่นำเชื้อโรคจากนอกบ้านมาติดลูกแล้ว ยังเป็นแบบอย่างที่ดีที่ลูกสามารถเรียนรู้ และทำตามได้ทันที
3. หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมนอกบ้านโดยไม่จำเป็น
ในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 นี้ คุณพ่อคุณแม่ควรหลีกเลี่ยงการพาตัวเองและเด็ก ๆ
เดินทางไปในสถานที่มีความเสี่ยงสูง เช่น โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า สนามเด็กเล่น หรือแหล่งชุมชนต่าง ๆ
หากจำเป็นจริง ๆ ควรสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา และล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอลล์เจลบ่อย ๆ
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ให้รีบล้างมือ และอาบน้ำทันที ส่วนเสื้อผ้าที่ใส่ไปข้างนอก
ควรแยกไว้ซักต่างหากหรือใส่น้ำยาฆ่าเชื้อตอนซักด้วย พร้อมทั้งแยกชาม ช้อน แก้วน้ำ ของใช้อื่น ๆ
โดยไม่ใช้ร่วมกับเด็ก หากเป็นไปได้ควรสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่อต้องสัมผัสกับลูก และคนในครอบครัว
4. ทานอาหารที่มีประโยชน์
การดูแลร่างกายให้มีสุขภาพแข็งแรงอยู่เสมอ เป็นวิธีลดความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ COVID-19 ได้เป็นอย่างดี
ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรดูแลให้ลูกรักทานอาหารที่มีประโยชน์ครบทั้ง 5 หมู่ ทั้งสารอาหารหลักที่ให้พลังงาน
ได้แก่ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน โดยคุณแม่ควรเลือกสรรโปรตีนดีมีกรดอะมิโนจำเป็นที่ครบถ้วน
จากเนื้อสัตว์ ไข่ นม หรือโปรตีนจากพืช เช่น ถั่วหรือเมล็ดพืชต่าง ๆ ทำเป็นเมนูให้ลูกกินสลับกันไปทุกวัน
รวมทั้งสารอาหารที่ไม่ให้พลังงานจำพวกวิตามินและแร่ธาตุ พบมากในผักและผลไม้
โดยเฉพาะวิตามินซี ที่มีอยู่มากใน ฝรั่ง มะขามป้อม ผักคะน้า บรอกโคลี เป็นต้น
ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ และช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
5. คุณแม่ยังสามารถให้นมบุตรได้ แต่ต้องระวังมากขึ้น
สำหรับคุณแม่ที่อยู่ในระหว่างให้นมบุตร แต่กังวลว่าตัวเองติดเชื้อหรือไม่ หรืออยู่ในช่วงระหว่างรอผลตรวจร่างกาย
ยังสามารถให้นมบุตรได้อย่างปลอดภัย เนื่องจาก COVID-19 เป็นการติดเชื้อไวรัสในระบบเดินหายใจ
แต่คุณแม่ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ล้างมือก่อน และหลังการสัมผัสลูกน้อย
นอกจากนี้ ควรทำความสะอาดฆ่าเชื้อพื้นผิว และควรปั้มน้ำนมเก็บไว้ให้ได้มากที่สุด
หากผลตรวจออกมาพบว่าคุณแม่ติดเชื้อ COVID-19 ควรหยุดให้นม และเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลทันที
6. หากทำงานใกล้ชิดกับกลุ่มเสี่ยง ควรเว้นระยะห่างจากลูกรัก
หากคุณพ่อคุณแม่เป็นบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข หรือต้องทำงานใกล้ชิดกับกลุ่มเสี่ยง
เช่น แพทย์ พยาบาล เภสัชกร และสหวิชาชีพทางด้านสาธารณสุข ตลอดจนเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาล
ไม่ว่าจะเป็น เจ้าหน้าที่การเงิน ธุรการ พนักงานขับรถ เวรเปล ฯลฯ
จำเป็นต้องเพิ่มความระมัดระวังในการสัมผัสลูกรักมากยิ่งขึ้น
หากสามารถทำได้ แนะนำให้เว้นระยะห่างจากลูกรักให้มากที่สุด
โดยเลือกติดต่อครอบครัวผ่านช่องทางออนไลน์แทน แต่ถ้าไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่อยู่ร่วมกัน เว้นระยะห่างอย่างน้อย 1 เมตร
และหมั่นสังเกตอาการตัวเองตลอดเวลา
แม้ว่า COVID-19 จะส่งผลกระทบกับชีวิตประจำวันมากมาย
แต่หากคุณพ่อคุณแม่ดูแลลูกรักเป็นอย่างดี
มีสติ ไม่กังวลจนเกินไป และทำตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด
ก็จะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ COVID-19 ได้มากยิ่งขึ้น