มนุษย์เงินเดือน ลดหย่อนภาษี 2562 กันหรือยัง?

  • 13 December 2019
มนุษย์เงินเดือน ลดหย่อนภาษี 2562 กันหรือยัง?
ก่อนจะหมดปี 2562 ใครมีรายได้ถึงเกณฑ์ต้องยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ก็อย่าลืมคำนวณภาษีของตัวเองดูก่อนว่าต้องจ่ายภาษีเท่าไร และถ้าต้องการประหยัดขึ้นมาหน่อยก็สามารถหาตัวช่วยมาลดหย่อนภาษี 2562 ได้เลย ซึ่งปีนี้มีอยู่หลายรายการให้เลือกใช้สิทธิ์กันเต็มที่ กระปุกดอทคอมจึงรวบรวมรายละเอียดต่าง ๆ มาบอกต่อให้มนุษย์เงินเดือนได้ทราบแล้ว

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปี 2562 ใครบ้างต้องยื่นแบบ ?

          แม้จะมีเงินเดือนน้อย ยังไม่ถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษี แต่ถ้าเรามีรายได้ตามเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด ก็ต้องยื่นแบบแสดงรายได้ด้วยเช่นกัน นั่นคือ
 

คนโสด
          - หากมีเงินได้จากการจ้างแรงงาน (เงินเดือน ค่าจ้าง) เพียงประเภทเดียว จะต้องยื่นแบบภาษีเมื่อมีเงินได้เกิน 120,000 บาท

          - หากมีเงินได้จากการจ้างแรงงาน (เงินเดือน ค่าจ้าง) และมีเงินได้ประเภทอื่นด้วย หรือกรณีมีเฉพาะเงินได้ประเภทอื่นที่ไม่ใช่เงินได้จากการจ้างแรงงาน จะต้องยื่นแบบภาษีเมื่อมีเงินได้เกิน 60,000 บาท
         
คนมีคู่

          - หากมีเงินได้จากการจ้างแรงงาน (เงินเดือน ค่าจ้าง) เพียงประเภทเดียว จะต้องยื่นแบบภาษีเมื่อมีเงินได้เกิน 220,000 บาท

          - หากมีเงินได้จากการจ้างแรงงาน (เงินเดือน ค่าจ้าง) และมีเงินได้ประเภทอื่นด้วย หรือกรณีมีเฉพาะเงินได้ประเภทอื่นที่ไม่ใช่เงินได้จากการจ้างแรงงาน จะต้องยื่นแบบภาษีเมื่อมีเงินได้เกิน 120,000 บาท

 

เช็กอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปี 2562

          ปีภาษี 2562 ยังคงใช้อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแบบเดิม คือเก็บภาษีแบบขั้นบันได ตั้งแต่ 5-35% ของรายได้สุทธิ (หลังหักค่าลดหย่อนต่าง ๆ แล้ว) แต่หากใครมีรายได้สุทธิไม่เกิน 150,000 บาท ก็จะได้รับการยกเว้นภาษี
ลดหย่อนภาษี 2562

 

 

          เท่ากับว่าผู้ที่มีเงินเดือนประมาณ 25,833 บาท หรือมีรายได้ตลอดทั้งปีรวมแล้วไม่เกิน 310,000 บาท เมื่อหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนส่วนตัวรวม 160,000 บาทแล้ว จะเหลือเงินได้สุทธิ 150,000 บาท ซึ่งได้รับการยกเว้นภาษี

          อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่มีเงินเดือนเกิน 25,833 บาท หรือมีรายได้ตลอดทั้งปีมากกว่า 310,000 บาท ก็อาจไม่ต้องเสียภาษีได้เช่นกัน ถ้ามีค่าลดหย่อนต่าง ๆ มาช่วย ดังนั้น ใครมีรายได้เกินนี้ ต้องลองคำนวณภาษีและหักค่าลดหย่อนกันดี ๆ

วิธีคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปี 2562

          ใครที่ยังคำนวณไม่เป็น ก็ลองมาดูวิธีคำนวณภาษีเงินได้ที่นี่

วิธีคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ก่อนยื่นภาษี

รายการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ปีภาษี 2562

          หากอยากทราบรายได้สุทธิของตัวเอง ต้องนำรายได้ทั้งหมดมารวมกัน แล้วหาค่าลดหย่อนต่าง ๆ มาหักออกจากรายได้ทั้งหมด เหลือเท่าไรคือรายได้สุทธิที่เราจะนำไปคำนวณภาษีตามขั้นบันได ซึ่งค่าลดหย่อนมีอะไรบ้างนั้น ลองมาตรวจสอบรายละเอียดกัน
ลดหย่อนภาษี 2562

 

 
กลุ่มค่าลดหย่อนส่วนตัวและครอบครัว
1. ค่าลดหย่อนส่วนบุคคล
          จำนวน : 60,000 บาท
          เงื่อนไข : ลดหย่อนภาษีได้ทันทีที่ยื่นแบบฯ
2. ค่าลดหย่อนจากคู่สมรสที่ไม่มีเงินได้
          จำนวน : 60,000 บาท

          เงื่อนไข : 
             • สำหรับสามี-ภรรยาที่จดทะเบียนสมรส
             • คู่สมรสต้องไม่มีเงินได้ หรือมีเงินได้แต่เลือกนำมาคำนวณภาษีพร้อมกัน ไม่ได้แยกยื่นแบบฯ
 
3. ค่าลดหย่อนบุตร
          จำนวน : ลดหย่อนได้คนละ 30,000 บาท (ไม่จำกัดจำนวนบุตร)

          เงื่อนไข :                  
               • หากเป็นบุตรตามกฎหมายสามารถนำมาหักลดหย่อนได้ไม่จำกัดจำนวนบุตร
               • หากเป็นบุตรบุญธรรม สามารถนำมาหักลดหย่อนได้ไม่เกิน 3 คน
               • หากมีทั้งบุตรบุญธรรมและบุตรชอบด้วยกฎหมาย ให้นำบุตรชอบด้วยกฎหมายทั้งหมดมาหักก่อน แล้วจึงนำบุตรบุญธรรมมาหัก รวมกันได้ไม่เกิน 3 คน
               • กรณีมีบุตรชอบด้วยกฎหมายที่มีชีวิตอยู่รวมเป็นจำนวนตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป จะนำบุตรบุญธรรมมาหักไม่ได้

               นอกจากนี้ บุตรที่จะนำมาหักลดหย่อนภาษีต้องมีคุณสมบัติตามนี้ด้วย

               • บุตรมีอายุอยู่ระหว่างแรกเกิดจนถึง 20 ปีในปีภาษีนั้น
               • ถ้าบุตรมีอายุระหว่าง 21-25 ปีในปีภาษีนั้น ต้องกำลังศึกษาในระดับอนุปริญญา (ปวส.) ขึ้นไป
               • ถ้าบุตรมีอายุ 25 ปีขึ้นไปในปีภาษีนั้น ต้องเป็นบุคคลไร้ความสามารถ หรือเสมือนไร้ความสามารถ
               • บุตรต้องไม่มีเงินได้ในปีภาษีตั้งแต่ 30,000 บาทขึ้นไป (ยกเว้นเงินปันผล) หรือรายได้ที่มีนั้นได้รับการยกเว้นตามกฎหมาย เช่น บุตรที่อายุไม่เกิน 20 ปี และรับเงินปันผล ซึ่งเงินปันผลนั้นจะถือว่าเป็นเงินของผู้ปกครอง และไม่ถือว่าบุตรมีรายได้
ลดหย่อนภาษี 2562

 

 
4. ค่าฝากครรภ์ และค่าคลอดบุตร

          จำนวน : หักค่าใช้จ่ายได้ตามจริง สูงสุดไม่เกินปีละ 60,000 บาท

          เงื่อนไข :          
   
          ผู้ที่มีเงินได้หรือคู่สมรส สามารถนำค่าใช้จ่ายฝากครรภ์และค่าคลอดบุตร มาหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ ดังนี้

          • เป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการรักษาพยาบาลอันเนื่องมาจากการตั้งครรภ์และคลอดบุตร ไม่ว่าจะเป็นค่าตรวจครรภ์ รับฝากครรภ์ ค่าบำบัดทางการแพทย์ ค่ายาและค่าเวชภัณฑ์ ค่าทำคลอด ค่ากินอยู่ในโรงพยาบาล

          • สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีกับค่าใช้จ่ายที่เกิดตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 31 ธันวาคม 2562

          • หากเป็นค่าคลอดบุตรในการตั้งครรภ์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นในปีภาษีเดียวกัน เช่น ตั้งครรภ์ปี 2562 แต่คลอดปี 2563 จะได้รับสิทธิลดหย่อนตามจำนวนที่จ่ายจริงในปีที่ใช้ แต่รวมกันแล้วต้องไม่เกิน 60,000 บาท เช่น ในปี 2562 จ่ายค่าฝากครรภ์ไปจำนวน 10,000 บาท ก็จะสามารถหักลดหย่อนภาษีปี 2562 ได้ 10,000 บาท ส่วนที่เหลืออีก 50,000 บาท สามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีเมื่อคลอดบุตรในปี 2563 ได้

          • หากจ่ายค่าฝากครรภ์หรือคลอดบุตรหลายคราวในปีภาษีเดียวกัน สามารถลดหย่อนภาษีได้คราวละไม่เกิน 60,000 บาท

          เช่น จ่ายค่าคลอดบุตรคนแรกในเดือนมกราคม 2562 จะสามารถนำค่าใช้จ่ายส่วนนี้มาลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 60,000 บาท และถ้าหากในเดือนธันวาคม 2562 มีการตั้งครรภ์และฝากครรภ์บุตรคนที่ 2 อีก ก็จะได้สิทธิลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมอีกตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 60,000 บาท รวมแล้วหากมีบุตร 2 คน ภายในปี 2562 จะสามารถนำค่าใช้จ่ายมาหักลดหย่อนได้สูงสุด 120,000 บาท

          • กรณีคลอดบุตรแฝด สามารถหักลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 60,000 บาท เนื่องจากเป็นการตั้งครรภ์คราวเดียว

          • สามารถนำค่าใช้จ่ายจากการตั้งครรภ์และคลอดบุตรมาหักลดหย่อนภาษีได้ ไม่ว่าทารกที่คลอดจะมีชีวิตรอดหรือไม่

          • สามีสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีค่าคลอดบุตรได้ไม่เกิน 60,000 บาท หากภรรยาไม่มีเงินได้

          • กรณีสามีและภรรยามีเงินได้ทั้งคู่ จะสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีค่าตั้งครรภ์และคลอดบุตรได้ 2 กรณี คือ
               - สามี-ภรรยา แยกยื่นภาษี : ภรรยาจะเป็นผู้ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 60,000 บาท ส่วนสามีไม่สามารถใช้สิทธิได้
               - สามี-ภรรยา ยื่นรายการและเสียภาษีรวมกัน : ผู้ที่ยื่นภาษีสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ 60,000 บาท


          • สิทธิลดหย่อนภาษีดังกล่าว เมื่อนำไปรวมกับสิทธิการเบิกค่าฝากครรภ์และค่าคลอดบุตรจากสวัสดิการภาครัฐและเอกชน ต้องไม่เกิน 60,000 บาท

          อธิบายง่าย ๆ ก็คือ หากใช้สิทธิเบิกค่าคลอดบุตรจากสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลของข้าราชการ / สิทธิประกันสังคม / สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ รวมทั้งสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลที่ได้รับจากนายจ้างภาคเอกชนแล้ว จะสามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้แค่ส่วนที่ยังไม่เกิน 60,000 บาทเท่านั้น

          หลักฐานที่ใช้ลดหย่อนภาษี :
              - ใบรับรองแพทย์
              - ใบเสร็จรับเงิน หรือหลักฐานอื่นที่แสดงว่าได้จ่ายค่าฝากครรภ์และค่าคลอดบุตรให้แก่สถานพยาบาล

5. ค่าลดหย่อนบุตรคนที่ 2 เป็นต้นไป

          จำนวน : 30,000 บาทต่อคน (เมื่อรวมกับค่าลดหย่อนบุตรอีก 30,000 บาท เท่ากับลดหย่อนบุตรคนที่ 2 รวม 60,000 บาท)

          เงื่อนไข :
             - ต้องเป็นบุตรคนที่ 2 เป็นต้นไป ที่คลอดตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นไป
             - ต้องเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย
             - นับลำดับของบุตรทุกคน ไม่ว่าจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ก็ตาม

          เท่ากับว่า หากเราคลอดบุตรคนที่ 2 เป็นต้นไปในปี 2562 จะได้สามารถหักค่าลดหย่อนได้ถึง 120,000 บาท (ค่าลดหย่อนบุตร 30,000 บาท + ค่าลดหย่อนบุตรคนที่ 2 เป็นต้นไป 30,000 บาท + ค่าฝากครรภ์และคลอดบุตร 60,000 บาท)

สรุปอีกครั้ง ! ตั้งครรภ์ หรือคลอดลูกปี 2562 ลดหย่อนภาษีได้เท่าไหร่

6. ค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดา-มารดา
ลดหย่อนภาษี 2562

 

 

          จำนวน : ลดหย่อนจากบิดา-มารดา (ตัวเอง) และบิดา-มารดาคู่สมรส ได้คนละ 30,000 บาท มากสุดคือ 4 คน ไม่เกิน 120,000 บาท

          เงื่อนไข :
             • บิดา-มารดาต้องมีอายุ 60 ปีขึ้นไป และมีรายได้ในปีภาษีนั้นไม่เกิน 30,000 บาท
             • หากเป็นบิดา-มารดาของคู่สมรส จะใช้ลดหย่อนภาษีได้ก็ต่อเมื่อคู่สมรสต้องไม่มีรายได้
             • บิดา-มารดาออกหนังสือรับรองการเลี้ยงดู (ลย.03) ให้กับบุตรที่จะขอลดหย่อนภาษีด้วย
             • หากมีลูกหลายคนจะสามารถใช้สิทธิได้เพียงคนเดียวเท่านั้น เช่น หากลูกคนโตใช้สิทธินี้ไปแล้ว ลูกคนอื่น ๆ ก็ไม่สามารถใช้สิทธินี้ได้อีก

ดาวน์โหลดหนังสือรับรองการหักลดหย่อนค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดา-มารดา

7. ค่าอุปการะคนพิการหรือคนทุพพลภาพ

          จำนวน : 60,000 บาทต่อคน

          เงื่อนไข :
             • ต้องเป็นผู้ที่ดูแลคนพิการตามกฎหมาย ว่าด้วยการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ
             • ผู้พิการต้องมีบัตรประจำตัวคนพิการตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ หรือเป็นคนทุพพลภาพที่มีเงินได้พึงประเมินไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี

          ทั้งนี้ หากผู้พิการหรือทุพพลภาพเป็นบิดา-มารดา-บุตร-คู่สมรสของผู้มีเงินได้ ก็สามารถใช้สิทธิควบคู่กันได้เลย เช่น บิดาอายุเกิน 60 ปี เป็นผู้พิการ ไม่มีรายได้ เราสามารถนำมาลดหย่อนได้สูงสุด (30,000+60,000 บาท) เท่ากับ 90,000 บาท

          หรือหากคู่สมรสเป็นผู้พิการและไม่มีรายได้ ก็สามารถนำมาลดหย่อนได้สูงสุด 120,000 บาท (ค่าลดหย่อนคู่สมรส 60,000 + ค่าลดหย่อนอุปการะผู้พิการ 60,000)

ดาวน์โหลดหนังสือรับรองการหักลดหย่อนค่าอุปการะเลี้ยงดูคนพิการหรือทุพพลภาพ

กลุ่มประกัน เงินออม และการลงทุน
1. ประกันสังคม

          จำนวน : ลดหย่อนได้ตามจริง สูงสุดไม่เกิน 9,000 บาท

 

2. ประกันชีวิตทั่วไป หรือเงินฝากเพื่อสงเคราะห์ชีวิต

          จำนวน : ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท

          เงื่อนไขประกันชีวิต :
             • ต้องเป็นประกันชีวิตที่มีความคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป
             • มีผลตอบแทนคืนไม่เกิน 20% ของเบี้ยสะสม (เงินปันผลหรือเบี้ยคืนรายปี)
             • ต้องเป็นกรมธรรม์ที่ซื้อจากบริษัทประกันชีวิตที่ดำเนินกิจการในไทย
             • หากเวนคืนกรมธรรม์ก่อนครบ 10 ปี ถือว่าผิดเงื่อนไข จะไม่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้
             • หากเราซื้อประกันชีวิตให้คู่สมรสไว้ และคู่สมรสไม่มีรายได้ แต่ยังจ่ายเบี้ยประกันอยู่ ก็ยังสามารถนำเบี้ยประกันที่จ่ายไปมาหักลดหย่อนได้ไม่เกิน 10,000 บาท

          เงื่อนไขเงินฝากเพื่อสงเคราะห์ชีวิต :
             • ต้องเปิดบัญชีเงินฝากเพื่อสงเคราะห์ชีวิต (ปัจจุบันมี 2 ธนาคาร คือ ออมสิน และ ธ.ก.ส.)
             • ฝากเงินตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป
             • ผู้มีเงินได้เป็นผู้จ่ายเงินฝากเท่านั้น
             • กรณีได้รับเงินหรือผลประโยชน์ตอบแทนคืนทุกปี ต้องไม่เกิน 20% ของเงินฝากรายปี
             • มีหลักฐานจากธนาคารผู้รับฝากเงิน
             • หักลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนที่ฝากเงินจริง แต่เมื่อรวมกับเงินที่ได้จ่ายค่าเบี้ยประกันชีวิตแล้ว ต้องไม่เกิน 100,000 บาท

          ตัวอย่างเช่น หากจ่ายเบี้ยประกันชีวิตในปีนั้นไปแล้ว 70,000 บาท เราจะมีสิทธิ์นำเงินฝากสงเคราะห์ชีวิตไปลดหย่อนภาษีได้อีกเพียง 30,000 บาท

 

ลดหย่อนภาษี 2562

 

 
3. ประกันชีวิตบำนาญ

          จำนวน : 15% ของรายได้ แต่ไม่เกิน 200,000 บาท

          เงื่อนไข :
             • ต้องเป็นประกันที่มีระยะเวลาเอาประกัน 10 ปีขึ้นไป

             • ต้องเป็นกรมธรรม์ที่ซื้อจากบริษัทประกันชีวิตที่ดำเนินกิจการในไทย

             • จ่ายผลตอบแทนให้ผู้เอาประกันตั้งแต่อายุ 55 ปี ต่อเนื่องไปจนถึงอายุ 85 ปี หรือมากกว่านั้น

             • เมื่อรวมค่าเบี้ยประกันที่จ่ายให้กับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หรือกองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน หรือกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) แล้ว ต้องไม่เกิน 500,000 บาท

          • หากมีประกันชีวิตแบบทั่วไปอยู่แล้ว แต่ยังไม่ครบ 1 แสนบาท สามารถนำค่าเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญไปรวมกับสิทธิลดหย่อนประกันชีวิตแบบทั่วไปได้ให้ครบ 1 แสนบาทก่อน ส่วนที่เหลือก็ยังสามารถนำมาลดหย่อนโดยใช้สิทธิเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญได้ 15% ของเงินได้ที่เสียภาษี แต่ไม่เกิน 200,000 บาท

 

4. เบี้ยประกันสุขภาพตัวเอง

          จำนวน : ลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 15,000 บาทต่อปี แต่เมื่อรวมเบี้ยประกันชีวิตแล้วต้องไม่เกิน 100,000 บาท

          เงื่อนไข : ประกันสุขภาพที่นำมาลดหย่อนได้ มีดังนี้
             • ประกันให้ความคุ้มครองเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลอันเกิดจากการเจ็บป่วยและการบาดเจ็บ การชดเชยการทุพพลภาพและการสูญเสียอวัยวะเนื่องจากการเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บ
             • ประกันอุบัติเหตุเฉพาะที่ให้ความคุ้มครองเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล การทุพพลภาพ การสูญเสียอวัยวะ และการแตกหักของกระดูก
             • ประกันภัยโรคร้ายแรง
             • ประกันภัยการดูแลระยะยาว

             อย่างไรก็ตาม แนะนำให้ตรวจสอบกับบริษัทประกันก่อนว่า ประกันสุขภาพที่เราสนใจจะซื้อ หรือที่มีอยู่แล้วนั้นสามารถลดหย่อนภาษีได้หรือไม่
 

เทคนิคเลือกซื้อประกันสุขภาพ ให้ได้ลดหย่อนภาษี

5. เบี้ยประกันสุขภาพบิดา-มารดา

         จำนวน : ลดหย่อนได้ตามจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท

         เงื่อนไข
             • บิดา-มารดาต้องไม่มีเงินได้พึงประเมินในปีภาษีที่ขอหักลดหย่อนเกิน 30,000 บาทขึ้นไป
             • บิดาหรือมารดาต้องอยู่ในไทยไม่ต่ำกว่า 180 วันในปีภาษีนั้น
             • ลูกที่จะใช้สิทธิต้องเป็นบุตรตามกฎหมายเท่านั้น บุตรบุญธรรมไม่สามารถใช้สิทธิได้
             • ลูกสามารถใช้สิทธิได้หลายคน โดยหารเฉลี่ยกัน เช่น ลูก 2 คน ร่วมกันซื้อประกันสุขภาพให้บิดา จำนวน 15,000 บาท ดังนั้นลูกแต่ละคนสามารถนำเบี้ยประกันสุขภาพบิดาไปลดหย่อนภาษีได้คนละ 7,500 บาท

         อย่างไรก็ตาม แบบประกันสุขภาพของบิดา-มารดาที่นำมาลดหย่อนภาษีได้จะต้องเป็นความคุ้มครองด้านใดด้านหนึ่งใน 4 ด้านเท่านั้น คือ

         • คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล หรือจ่ายเงินชดเชย จากการเจ็บป่วยทั่วไป
          • คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล หรือจ่ายเงินชดเชย จากกรณีอุบัติเหตุ
          • คุ้มครองกรณีที่เป็นโรคร้ายแรง
          • ประกันคุ้มครองการพยาบาลสำหรับการเจ็บป่วยระยะยาว (Long Term Care)

 

6. กองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ Long term equity fund (LTF)

          จำนวน : สูงสุด 15% ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 500,000 บาท

          เงื่อนไข :
             • ปี 2562 จะเป็นปีสุดท้ายที่สามารถนำเงินลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ LTF มายื่นหักลดหย่อนภาษีได้
             • ซื้อแล้วต้องถือครองไว้อย่างน้อย 7 ปี (หรือ 5 ปี 2 วัน) ซึ่งจะนับตามปี พ.ศ. เช่น ซื้อ LTF ปี 2562 จะต้องถือไว้จนถึงวันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นอย่างน้อย และไม่สามารถโอนหรือจำนำไปเพื่อเป็นหลักประกันได้

          *ตัวอย่างการคำนวณลดหย่อนภาษีจาก LTF

          เช่น ผู้มีรายได้สุทธิ 3 ล้านบาทต่อปี เสียภาษีในอัตรา 30% เมื่อคำนวณแล้วจะเท่ากับ 900,000 บาท แต่เมื่อซื้อกองทุน LTF 15% ของรายได้แล้ว จะสามารถซื้อกองทุน LTF ได้วงเงินสูงสุด 450,000 บาท จึงนำรายได้สุทธิ 3 ล้านนั้น หักลดหย่อนจากกองทุนออก 450,000 เท่ากับเหลือเงินได้สุทธิ 2,550,000 บาท แล้วจึงนำไปคำนวณการจ่ายภาษีที่ 2,550,000 X 30% เท่ากับจ่ายภาษีเพียง 765,000 บาท ลดลงจากเดิมที่ต้องจ่าย 900,000 บาท

 

LTF ซื้ออย่างไร ลดหย่อนภาษีโค้งสุดท้ายแบบคนรู้จริง !

ลดหย่อนภาษี 2562

 

 
7. กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (Retirement Mutual Fund หรือ RMF)

          จำนวน : หักลดหย่อนได้สูงสุด 15% ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 500,000 บาท 

         เงื่อนไข :
          • ลงทุนขั้นต่ำ 5,000 บาทต่อปี หรือ 3% ของเงินได้ และไม่เกิน 15% ของเงินได้ทั้งปีที่ต้องเสียภาษี
          • เมื่อซื้อ RMF รวมกับ กบข. + กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ + กองทุนครูโรงเรียนเอกชน + ประกันชีวิตแบบบำนาญ + กองทุนการออมแห่งชาติ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท
          • ต้องลงทุนอย่างน้อย 5 ปีเต็ม นับจากวันที่ลงทุนวันแรก โดยไม่ระงับการซื้อหน่วยลงทุนเกิน 1 ปีติดต่อกัน ทั้งนี้ การนับ 5 ปี จะนับเฉพาะปีที่มีการซื้อหน่วยลงทุน คือ ปีใดไม่ลงทุนจะไม่นับว่ามีการลงทุนในปีนั้น
          • ต้องลงทุนต่อเนื่องจนอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์

เทคนิคเลือก RMF ลดหย่อนภาษีอย่างไรให้เหมาะกับตัวเรา

หมายเหตุ : ในปี 2563 จะมีการปรับเงื่อนไข RMF ใหม่ ให้สามารถซื้อ RMF เพื่อลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 500,000 บาท และไม่มีขั้นต่ำในการซื้อ โดยต้องรอประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
8. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

          จำนวน : ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินปีละ 10,000 บาท ส่วนจำนวนเงินที่เกิน 10,000 บาท แต่ไม่เกิน 15% ของรายได้ และไม่เกิน 490,000 บาท จะได้รับยกเว้น ไม่ต้องนำไปรวมกับเงินได้ที่ต้องเสียภาษี

          เงื่อนไข :
             • เงินสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เมื่อรวมกับ RMF, กบข., กองทุนครูโรงเรียนเอกชน, ประกันชีวิตแบบบำนาญ, กองทุนการออมแห่งชาติ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท

9. กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
ลดหย่อนภาษี 2562

ภาพจาก Cat Act Art / Shutterstock.com

 

          จำนวน : ลดหย่อนภาษีได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี

          เงื่อนไข :
          • เมื่อรวมกับ RMF, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กองทุนครูโรงเรียนเอกชน, ประกันชีวิตแบบบำนาญ, กองทุนการออมแห่งชาติ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท

10. กองทุนสงเคราะห์ครูเอกชน

          จำนวน : ลดหย่อนภาษีได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี

          เงื่อนไข :
          • เมื่อรวมกับ กบข., RMF, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, ประกันชีวิตแบบบำนาญ, กองทุนการออมแห่งชาติ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท

11. กองทุนการออมแห่งชาติ

          จำนวน : ตามจำนวนที่จ่ายจริง สูงสุดปีละ 13,200 บาท

          เงื่อนไข :
          • เมื่อรวมกับ กบข., RMF, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, ประกันชีวิตแบบบำนาญ, กองทุนครูโรงเรียนเอกชน ต้องไม่เกิน 500,000 บาท

กลุ่มค่าลดหย่อนเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์
ลดหย่อนภาษี 2562

 

 
1. ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อการมีที่อยู่อาศัย

          จำนวน : ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท

          เงื่อนไข :

             • ดอกเบี้ยจากเงินกู้การเช่าซื้อบ้าน คอนโด หรือที่อยู่อาศัย

             • ต้องเป็นการกู้ยืมจากสถาบันการเงินภายในประเทศ เช่น ธนาคารพาณิชย์และธนาคารของรัฐต่าง ๆ โดยทรัพย์สินที่กู้ ต้องใช้มาเป็นหลักในการค้ำประกันการกู้ (จำนอง) ด้วย

             • ต้องเป็นการกู้เพื่อซื้อหรือสร้างที่อยู่ บนที่ดินของตัวเองหรือกู้เพื่อซื้อคอนโดมิเนียม

             • หากมีการกู้สำหรับที่อยู่อาศัยมากกว่า 1 แห่ง สามารถใช้ลดหย่อนรวมกันได้ทุกแห่ง แต่ต้องไม่เกิน 100,000 บาท

             • กรณีกู้ร่วมกันหลายคน ก็ให้แบ่งดอกเบี้ยคนละเท่า ๆ กัน แต่รวมแล้วต้องไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนเช่นกัน

2. ซื้อบ้านหลังแรก ปี 2558

          จำนวน : ไม่เกิน 20% ของราคาอสังหาริมทรัพย์ โดยนำมาเฉลี่ยลดหย่อนภาษีได้เป็นเวลา 5 ปี หรือเท่ากับลดหย่อนภาษีได้ปีละ 4% ของราคาบ้านเป็นเวลา 5 ปี

          ยกตัวอย่างเช่น ซื้อบ้านหรือคอนโดหลังแรกราคา 3 ล้านบาท โอนกรรมสิทธิ์วันที่ 20 พฤศจิกายน 2558 จะสามารถนำค่าบ้าน 20% คือ 600,000 บาท มายื่นลดหย่อนภาษีได้เป็นเวลา 5 ปี (ตั้งแต่ปี 2558-2562) คิดเป็นปีละ 120,000 บาท

          เงื่อนไข

          • ต้องเป็นผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์หลังแรกในราคาไม่เกิน 3,000,000 บาท และโอนกรรมสิทธิ์ในช่วงวันที่ 13 ตุลาคม - 31 ธันวาคม 2559 ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเมื่อปี 2558

         • สำหรับบ้านที่โอนกรรมสิทธิ์ในปี 2559 จะสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีสำหรับเงินได้ของปี 2559-2563 ซึ่งตอนที่ยื่นภาษีเพื่อใช้สิทธิลดหย่อนบ้านหลังแรกในรอบนี้จะกรอกเป็นค่าลดหย่อนในช่อง "เงินได้ที่จ่ายเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์" 

ซื้อบ้านหลังแรกช่วยลดหย่อนภาษีได้ด้วย อ่านเงื่อนไขกันเลย

3. ซื้อบ้านหลังแรก ปี 2562

          จำนวน  : ไม่เกิน 200,000 บาท

           เช่น หากเราซื้อบ้านราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท สามารถใช้สิทธิ์หักลดหย่อนภาษีได้ทันที 200,000 บาท

ลดหย่อนภาษี 2562

 

 
          เงื่อนไข :
            • สำหรับการซื้อบ้านพร้อมที่ดิน หรือห้องชุด มูลค่าไม่เกิน 5 ล้านบาท
            • ต้องเป็นบ้านหรือคอนโดหลังแรก (ผู้ซื้อต้องไม่เคยมี หรือไม่เคยเป็นเจ้าของอสังหาฯ มาก่อน)
            • สามารถใช้สิทธิ์ได้ทั้งบ้านใหม่ หรือบ้านมือสองก็ได้
            • โอนกรรมสิทธิ์ให้แล้วเสร็จระหว่างวันที่ 30 เมษายน - 31 ธันวาคม 2562
            • ผู้ซื้อต้องถือครองกรรมสิทธิ์ติดต่อกันอย่างน้อย 5 ปี นับตั้งแต่วันที่จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ (แต่ไม่รวมถึงกรณีผู้ซื้อเสียชีวิต หรือกรณีอสังหาริมทรัพย์นั้นสิ้นสภาพไปทั้งหมด)
            • หากอยู่ระหว่างดาวน์ ไม่สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้ เพราะถือว่ายังไม่โอนกรรมสิทธิ์

         หลักฐานที่ใช้ลดหย่อนภาษี : เอกสารหลักฐานการซื้อบ้าน-คอนโด, หลักฐานการจดทะเบียนกรรมสิทธิ์

รวม 3 มาตรการช่วยคนซื้อบ้าน 2562 ลดค่าโอน-หักภาษีได้

กลุ่มเงินบริจาค
ลดหย่อนภาษี 2562

 

 
          แบ่งเป็นกลุ่มเงินบริจาคที่ลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า และกลุ่มเงินบริจาคที่ลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง

เงินบริจาคที่ลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า

1. เงินบริจาคเพื่อสนับสนุนการศึกษา

          จำนวน : 2 เท่าของจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังจากหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนอย่างอื่นก่อนหักลดหย่อนเงินบริจาค เช่น หากบริจาคเงินให้สถานศึกษาที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด 3,000 บาท ก็จะสามารถหักลดหย่อนได้ 2 เท่า คือ 6,000 บาท

         เงื่อนไข :
            • ต้องเป็นสถานศึกษาที่ ศธ. กำหนด
            • ต้องบริจาคและบันทึกข้อมูลผ่านระบบ e-Donation เท่านั้น

รายชื่อสถานศึกษาที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด ให้ใช้สิทธิลดหย่อนเงินบริจาค

2. เงินบริจาคให้แก่สถานพยาบาลของรัฐ

          จำนวน : 2 เท่าของจำนวนที่จ่ายจริง แต่เมื่อรวมกับเงินบริจาคเพื่อสนับสนุนการศึกษาแล้วต้องไม่เกิน 10% ของเงินได้พึงประเมินหลังหักค่าใช้จ่ายและหักลดหย่อนอื่น ๆ แล้ว

         เงื่อนไข :
           • เป็นการบริจาคให้สถานพยาบาลต่าง ๆ ของราชการ ไม่ว่าจะเป็นสถาบันการศึกษา องค์กรมหาชน หรือหน่วยงานต่าง ๆ
           • ต้องมีหลักฐานใบเสร็จรับเงิน หรือมีการบันทึกข้อมูลบริจาคผ่านระบบ e-Donation ซึ่งส่งข้อมูลถึงกรมสรรพากรโดยตรง

ตรวจสอบรายชื่อสถานพยาบาลของทางราชการที่หักลดหย่อนเงินบริจาคได้ 2 เท่า

3. เงินบริจาคสนับสนุนการกีฬา

          จำนวน : 2 เท่าของจำนวนที่จ่ายจริง แต่เมื่อรวมกับเงินบริจาคเพื่อสนับสนุนการศึกษาแล้วต้องไม่เกิน 10% ของเงินได้พึงประเมินหลังหักค่าใช้จ่ายและหักลดหย่อนอื่น ๆ แล้ว

         เงื่อนไข :
           • เป็นการบริจาคเงินให้หน่วยงานด้านกีฬาที่สังกัดสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย
           • มีหลักฐานใบเสร็จรับเงิน หรือมีการบันทึกข้อมูลบริจาคผ่านระบบ e-Donation ซึ่งส่งข้อมูลถึงกรมสรรพากรโดยตรง

ตรวจสอบรายชื่อหน่วยงานด้านกีฬาที่หักลดหย่อนได้ 2 เท่า

4. เงินบริจาคเพื่อสาธารณประโยชน์ต่าง ๆ

          จำนวน : 2 เท่าของจำนวนที่จ่ายจริง แต่เมื่อรวมกับเงินบริจาคเพื่อสนับสนุนการศึกษาแล้วต้องไม่เกิน 10% ของเงินได้พึงประเมินหลังหักค่าใช้จ่ายและหักลดหย่อนอื่น ๆ แล้ว

         เงื่อนไข : เงินบริจาคกลุ่มนี้ประกอบด้วย
          • เงินบริจาคเข้ากองทุนวิจัยและนวัตกรรม 4 กองทุน ได้แก่ กองทุนเพื่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์ฯ, กองทุนสนับสนุนการวิจัย, กองทุนเพื่อการพัฒนาระบบมาตรวิทยา และกองทุนเพื่อการพัฒนาระบบสาธารณสุข เพื่อส่งเสริมด้านการทำวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม
          • เงินบริจาคให้แก่กองทุนพัฒนาครู คณาจารย์
          • เงินบริจาคในการจัดหาหนังสือหรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์เพื่อส่งเสริมการอ่าน
          • เงินบริจาคในการจัดให้คนพิการได้รับสิทธิประโยชน์
          • เงินบริจาคให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการจัดตั้งศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก
          • เงินบริจาคให้โครงการฝึกอบรมอาชีพ และการจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการบำบัด แก้ไข ฟื้นฟู สงเคราะห์เด็กและเยาวชนของสถานพินิจคุ้มครองเด็กและเยาวชน หรือศูนย์ฝึกอบรมเด็กและเยาวชนในกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กระทรวงยุติธรรม
          • เงินบริจาคเข้ากองทุนยุติธรรม เพื่อช่วยเหลือประชาชนในการดำเนินคดี การขอปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาหรือจำเลย การถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน และการให้ความรู้ทางกฎหมายแก่ประชาชน เพื่อสงเคราะห์ผู้เดือดร้อน ยากไร้ ด้อยโอกาส ให้เข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้อย่างเท่าเทียม

เช็กลิสต์ ! บริจาคเงินอะไรดี...ลดหย่อนภาษี 2562 ได้ 2 เท่า

          หลักฐานที่ใช้ลดหย่อนภาษี :
             • ใบเสร็จรับเงินบริจาค หรือใบอนุโมทนาบัตร ที่ระบุชื่อผู้บริจาคชัดเจนตรงกับชื่อ-นามสกุลของผู้เสียภาษี เพื่อนำมาใช้เป็นหลักฐาน หรือบริจาคผ่านระบบ e-Donation

          ข้อดีของระบบ e-Donation คือ สามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้เลย โดยไม่ต้องเก็บหลักฐานการบริจาคมายื่นภาษี จึงไม่ต้องกังวลว่าเอกสารต่าง ๆ จะสูญหาย และยังช่วยให้เราได้รับเงินคืนภาษีได้เร็วขึ้นด้วย

ตรวจสอบรายชื่อหน่วยรับบริจาคที่ใช้ระบบ e-Donation

เงินบริจาคที่ลดหย่อนภาษีได้ตามปกติ (เท่าที่จ่ายจริง)

1. เงินบริจาคช่วยเหลือเหตุอุทกภัยจากพายุปาบึก

          จำนวน : ตามที่บริจาคจริง แต่ต้องไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังจากหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนอย่างอื่น

         เงื่อนไข :
           • ต้องเป็นการบริจาคผ่านหน่วยงานส่วนราชการ องค์กรของรัฐบาล องค์การ หรือสถานสาธารณกุศล หรือผ่านเอกชนที่เป็นตัวแทนรับบริจาคที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมสรรพากร
           • มีใบเสร็จรับเงินเป็นหลักฐานลดหย่อนภาษี

2. เงินบริจาคทั่วไป
ลดหย่อนภาษี 2562

ภาพจาก ShutterStockStudio / Shutterstock.com

 

          จำนวน : ตามที่บริจาคจริง แต่ต้องไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังจากหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนอย่างอื่น

         เงื่อนไข
           • เป็นการบริจาคเงินเพื่อสาธารณกุศล ให้แก่วัดวาอาราม มูลนิธิ สมาคม สถานสาธารณกุศล สถานสงเคราะห์ ฯลฯ
 

ตรวจสอบรายชื่อมูลนิธิ สมาคม สถานสาธารณกุศล ที่หักลดหย่อนเงินบริจาคได้

3. เงินบริจาคให้พรรคการเมือง
          จำนวน : ตามจำนวนที่บริจาคจริง แต่รวมกันแล้วไม่เกิน 10,000 บาท
กลุ่มค่าลดหย่อนตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ
1. ช้อปช่วยชาติ (ช่วงต้นปี 2562)

          จำนวน : ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท

         เงื่อนไข :
           • สำหรับการซื้อสินค้าระหว่างวันที่ 1-16 มกราคม 2562
           • ต้องเป็นการซื้อสินค้า 3 ประเภท คือ ยางรถยนต์ (มีใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป และคูปอง กยท.), หนังสือ (จากร้านที่เป็นบริษัท ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือ E-Book ที่ออกใบเสร็จรับเงินได้) และสินค้าโอทอป จากร้านค้าโอทอปที่ลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชน และมีหลักฐานเป็นใบเสร็จรับเงิน หรือใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปที่ระบุว่าเป็นรายการซื้อสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์

ช้อปช่วยชาติ คืนภาษีเท่าไร เช็กก่อน ! ซื้ออะไรลดหย่อนภาษีได้-ไม่ได้

2. ซื้อสินค้าเกี่ยวกับการศึกษาและกีฬา
ลดหย่อนภาษี 2562

 

 

          จำนวน : ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท

         เงื่อนไข :
           • เป็นการซื้อสินค้าเพื่อการศึกษาและกีฬา ประกอบด้วยอุปกรณ์การศึกษา แต่ไม่รวมถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, เครื่องแต่งกายสำหรับการศึกษา, อุปกรณ์กีฬา (ไม่รวมอุปการณ์สำหรับกีฬาอิเล็กทรอนิกส์) และเครื่องแต่งกายสำหรับการเล่นกีฬา
           • ซื้อสินค้าระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม - 30 มิถุนายน 2562
           • มีใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปเป็นหลักฐาน

3. ซื้อหนังสือ
ลดหย่อนภาษี 2562

 

 

          จำนวน : เมื่อรวมกับการซื้อหนังสือในโครงการช้อปช่วยชาติ 2561 ในช่วงวันที่ 1-16 มกราคม 2562 ต้องไม่เกิน 15,000 บาท

          เช่น ช่วงวันที่ 1-16 มกราคม 2562 ได้ซื้อหนังสือในโครงการช้อปช่วยชาติไปแล้ว 3,000 บาท จะเหลือวงเงินที่สามารถซื้อหนังสือเพื่อขอลดหย่อนภาษีตลอดทั้งปีได้อีกเพียง 12,000 บาท


          เงื่อนไข :
           • สามารถซื้อได้ทั้งหนังสือที่เป็นสิ่งพิมพ์ (ทุกประเภท ยกเว้นนิตยสารและหนังสือพิมพ์) รวมทั้ง e-Book
           • ต้องซื้อจากร้านที่เป็นบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือนิติบุคคลซึ่งประกอบกิจการในประเทศไทย และออกใบเสร็จรับเงิน หรือใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปได้
           • ซื้อสินค้าระหว่างวันที่ 1 มกราคม - 31 ธันวาคม 2562

4. ซื้อสินค้าโอทอป (OTOP)
ลดหย่อนภาษี 2562

 

 

          จำนวน : ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท

          เงื่อนไข :
           • ต้องซื้อจากร้านค้าโอทอปที่ลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชน  
           • ซื้อสินค้าระหว่างวันที่ 30 เมษายน - 30 มิถุนายน 2562
           • มีใบเสร็จรับเงิน หรือใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปที่ระบุว่าเป็นรายการซื้อสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์

 

ลดหย่อนภาษี 2562

 

 
5. ท่องเที่ยวไทย
ลดหย่อนภาษี 2562

 

 

          จำนวน :
           • ท่องเที่ยวเมืองหลัก ลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 15,000 บาท
           • ท่องเที่ยวเมืองรอง ลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 20,000 บาท
           • รวมกันทั้งหมดแล้ว ต้องไม่เกิน 20,000 บาท

          เงื่อนไข
           •  ต้องเดินทางท่องเที่ยววันที่ 30 เมษายน - 30 มิถุนายน 2562
           •  ต้องเป็นค่าที่พัก ค่าบริการนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ตามเงื่อนไขที่กำหนด สามารถตรวจสอบได้ที่

 

สรุปลดหย่อนภาษีท่องเที่ยว 2562 เที่ยวยังไงถึงได้เงินภาษีคืน

ลดหย่อนภาษี 2562

 

 
ลดหย่อนภาษี 2562

 

 
ค่าลดหย่อนจากเหตุอุทกภัย
1. ค่าซ่อมแซมบ้าน/รถที่ประสบภัยจากพายุปาบึก

          จำนวน :
             • ค่าซ่อมแซมอสังหาริมทรัพย์ หรือค่าวัสดุ หรืออุปกรณ์ในการซ่อมแซมอาคาร หรือห้องชุด ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท
             • ค่าซ่อมแซมรถ หรือสิ่งอำนวยความสะดวกในรถ ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 30,000 บาท

          เงื่อนไข :
             • เป็นผู้ประสบเหตุอุทกภัยจากพายุปาบึก ที่เกิดขึ้นช่วงวันที่ 3-7 มกราคม 2562
             • ต้องมีการใช้จ่ายเพื่อซ่อมแซมระหว่างวันที่ 3 มกราคม - 31 มีนาคม 2562

2. ค่าซ่อมแซมบ้าน-รถที่ประสบภัยน้ำท่วม 32 จังหวัด

          จำนวน :
             • ค่าซ่อมแซมทรัพย์สินรถ หรืออุปกรณ์ ลดหย่อนได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 30,000 บาท
             • ค่าซ่อมแซมอสังหาริมทรัพย์ ครอบคลุมบ้าน บ้านเช่า ลดหย่อนได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่รวมกันไม่เกิน 100,000 บาท กรณีที่เจ้าของบ้านมีบ้านหลายหลังให้นำบิลมารวมกันและขอลดหย่อนภาษีในครั้งเดียว

          เงื่อนไข :

             • สำหรับผู้ประสบภัยน้ำท่วม 32 จังหวัด ในพื้นที่ที่ประกาศเขตภัยพิบัติจากพายุโพดุล พายุคาจิกิ และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้

             • ต้องมีการใช้จ่ายเพื่อซ่อมแซมระหว่างวันที่ 29 สิงหาคม-30 พฤศจิกายน 2562

             • ผู้มีเงินได้ต้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ผู้เช่า หรือผู้ใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินนั้น เพื่อเป็นที่อยู่อาศัย ใช้ประกอบกิจการ หรือใช้ประโยชน์อื่น หรือต้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้เช่าซื้อรถนั้น

             • กรณีจ่ายค่าซ่อมแซมหรือค่าวัสดุหรืออุปกรณ์ในการซ่อมแซมทรัพย์สินมากกว่าหนึ่งแห่ง ให้รวมคำนวณค่าซ่อมแซมหรือค่าวัสดุหรืออุปกรณ์ในการซ่อมแซมทรัพย์สินทุกแห่งเข้าด้วยกัน

             • กรณีจ่ายค่าซ่อมแซมหรือค่าวัสดุหรืออุปกรณ์ในการซ่อมแซมรถหรืออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกในรถมากกว่าหนึ่งคัน ให้รวมคำนวณค่าซ่อมแซมหรือค่าวัสดุหรืออุปกรณ์ในการซ่อมแซมรถทุกคันเข้าด้วยกัน

กรณียกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

ลดหย่อนภาษี 2562

 

 

          * กรณีผู้มีเงินได้เป็นผู้พิการ ที่มีบัตรประจำตัวคนพิการตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 ซึ่งเป็นผู้อยู่ในไทย และมีอายุไม่เกิน 65 ปีบริบูรณ์ ในปีภาษี จะได้รับยกเว้นเงินได้ เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 190,000 บาท ในปีภาษีนั้น
 

          * กรณีเป็นผู้สูงอายุ มีอายุไม่ต่ำกว่า 65 ปีบริบูรณ์ ในปีภาษี จะได้รับยกเว้นเงินได้เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 190,000 บาท ในปีภาษีนั้น
 

          * กรณีมีเครดิตภาษีเงินปันผล สำหรับคนที่ลงทุนในหุ้น ใช้ยกเว้นภาษีได้ตามสัดส่วนที่ได้รับจากเงินปันผล โดยแนะนำให้สมัครสมาชิกที่เว็บไซต์ ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แล้วดาวน์โหลดเอกสารไปใช้ยื่นสรรพากรโดยที่เราไม่ต้องคำนวณให้ยุ่งยาก หรือหากยื่นภาษีทางออนไลน์ ก็สามารถดาวน์โหลดไฟล์ไปใส่ในเว็บไซต์ยื่นภาษีออนไลน์ของกรมสรรพากรได้เลย

สรุปรายการลดหย่อนภาษี 2562

 

 

 

 
ลดหย่อนภาษี 2562

 

 
ลดหย่อนภาษี 2562

 

 
ลดหย่อนภาษี 2562

 

 
ลดหย่อนภาษี 2562

 

 

          สำหรับใครที่เคยซื้อสินค้าหรือบริจาคหน่วยงานไหนไว้แล้วสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ อย่าลืมเก็บเอกสารต่าง ๆ ให้พร้อม เพื่อนำมาเป็นหลักฐานในการคำนวณภาษีและยื่นภาษี 2562 ในช่วงเดือนมกราคม-เมษายน 2563


* หมายเหตุ : อัปเดตข้อมูลล่าสุดวันที่ 13 ธันวาคม 2562

รายละเอียดเพิ่มเติม
กรมสรรพากร 

 

ที่มา : https://money.kapook.com

Tags :